การเตรียมตัวในการสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร
การเตรียมตัวสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้น ต้องมีการเตรียมตัวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ ด้านร่างกาย ด้านสุขภาพ บุคลิกลักษณะท่าทาง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเตรียมตัวเป็นปีโดยเฉพาะทางด้านวิชาการและด้านร่างกาย ในบทความนี้เราจะมาเริ่มจากการเตรียมตัวทางด้านวิชาการก่อน ซึ่งนับว่าเป็นด่านหินด่านแรกกันเลยครับ
การเตรียมตัวทางด้านวิชาการในการสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร
การเตรียมตัวทางด้านวิชาการจาเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการเตรียมตัวนานพอสมควรเพราะต้องใช้ความรู้ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ทั้งหมดและอาจต้องใช้ความรู้ระดับ ม.4 บางส่วนด้วยและวิชาที่ใช้ในการสอบคัดเลือกนั้นก็มีทั้งหมด 5 วิชาด้วยกันนั่นคือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อังกฤษ ภาษาไทย และสังคมศึกษา
ถ้าเราเริ่มเตรียมตัวตอน ม.3 เราก็จะมีเวลาเตรียมตัวประมาณ 10 เดือนก่อนสอบ ซึ่งเราจะต้องรวบรวมความรู้ทั้งหมดตั้งแต่ ม.1 – ม.3 และ ม.4 บางส่วน พิจารณาดูแล้วอาจเป็นเรื่องยากลาบากและคิดว่าจะทันไหม? เห็นทีคงจะยากเพราะ ไม่ใช่แค่เราต้องเรียนเนื้อหาระดับ ม.1-ม. 3 ภายในเดือนเดียวหรือแค่ สอง-สาม เดือน (ไม่ทันแน่นอนครับเนื้อหาเยอะมาก เพราะไม่ใช่แค่เนื้อหาวิชาเดียว) แถมเรายังมีคู่แข่งที่เตรียมตัวมาตลอดทั้งปี และอาจรวมถึงพี่ๆ ม.4 หรือ ม.5 ที่อายุยังไม่เกินเกณฑ์มาสอบแข่งขันอีกด้วย เพียงเท่านี้ น้องๆก็คงจะพอเห็นถึงความสาคัญในการเตรียมตัวในการสอบตั้งแต่เนิ่นๆแล้วใช่ไหมครับ
สาหรับข้อแนะนาและสิ่งที่ควรทาในการเตรียมตัวสอบ
นั่นคือ น้องๆ จะต้องอ่านหนังสือทุกวัน อย่างน้อยควรอ่านวันละ 3 ชม. จัดตารางการ อ่านหนังสือให้ดี รู้จักการแบ่งเวลาให้ถูก รู้จักหน้าที่ตัวเอง สิ่งไหนที่ไม่ สาคัญและไม่จาเป็นก็ต้องตัดออกไป จะต้องจาไว้เสมอว่ายิ่งถ้าเราเตรียมตัวมากเท่าใดก็จะยิ่งมีโอกาสสอบติดภาควิชาการมากเท่านั้น เวลาท้อ เวลาเหนื่อยหรือขี้เกียจก็ให้คิดถึงอนาคตของเรา นึกถึงคนที่เรารักและรักเราให้มากๆ ก็จะทาให้เรามีแรง มีกาลังใจเพิ่มขึ้นได้
แต่สาหรับน้องๆที่พยายามด้วยตัวเองแล้ว และยังรู้สึกว่าตัวเองมีความรู้ไม่แน่นพอ ไม่รู้ว่าจะต้องอ่านหนังสืออย่างไรให้ตรงจุด ไม่มีวินัยในการ ควบคุมตนเองให้อ่านหนังสือได้ทุกวัน หรือมีเวลาในการเตรียมตัวอย่างจากัด การกวดวิชากับสถาบันที่ดูแลและเอาใจใส่ก็ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะทำให้ การเตรียมตัวนั้นมีประสิทธิภาพ และมีความรู้ที่จะนาไปสอบครอบคลุมกับเนื้อหาที่ใช้ในการสอบมากขึ้น ช่วยให้เราประหยัดเวลา ในการอ่านหนังสือแบบไม่มีทิศทาง และถ้าหากมีการเตรียมตัวตั้งแต่ ม.2 ก็จะยิ่งเป็นการดีเพราะจะได้มีความพร้อมสาหรับเนื้อหาที่จะสอบทั้งหมด และยังทาให้การเรียนในชั้น ม.3 และการสอบเข้าเตรียมทหารนั้นเป็นเรื่องง่ายขึ้นอีกด้วย
คราวนี้ เราลองมาดูเรื่องคะแนนสอบภาควิชาการในการสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารกันบ้างนะครับ คะแนนสอบภาควิชาการในการสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร คะแนนสอบภาควิชาการ คะแนนเต็ม คือ 700 คะแนน แบ่งออกเป็น คณิตศาสตร์ 220 คะแนน, วิทยาศาสตร์ 220 คะแนน, อังกฤษ 150 คะแนน, ภาษาไทยและสังคม 110 คะแนน (อ้างอิงจาก นายร้อย จปร.)
น้องๆ จะเห็นว่าวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ คะแนนสอบจะสูงมากเพราะฉะนั้นเราควรจะเน้นสองวิชาเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิชาอื่นไม่ สาคัญนะครับ เพราะวิชาการอื่นนั้นก็อาจเป็นคะแนนช่วยให้ได้คะแนนสอบมากขึ้นหรืออาจเป็นตัวฉุดทาให้คะแนนสอบน้อยลงก็ได้นะครับเพราะฉะนั้นเราควรเอาใจ ใส่และให้ความสาคัญกับทุกๆวิชา ที่ใช้ในการสอบนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราถนัดวิชา คณิต และวิทย์ แต่เราอ่อนอังกฤษ ภาษาไทย สังคม เราก็อาจสอบไม่ผ่านได้ เพราะวิชาที่เราไม่ถนัดจะเป็นตัวฉุดวิชาที่เราถนัด แต่ถ้าเรา พยายามทาคะแนนแต่ละวิชาให้ผ่านเกณฑ์ 60% ทุกวิชา เพียงเท่านี้น้องๆ ก็อาจจะมีโอกาสสอบผ่านได้เช่นกัน
ดังนั้นจะเป็นการดียิ่งกว่า ถ้าเราถนัดวิชา คณิต,วิทย์ และให้ความสาคัญกับวิชาอื่นควบคู่ไปด้วย ไม่เพียงเราจะสอบผ่านภาควิชาการเท่านั้น เราอาจสอบได้ลาดับที่ดีๆ ก็ได้ ซึ่งเรื่องลาดับที่ในการสอบภาควิชาการก็มีความหมายนะครับ เพราะในการสอบคัดเลือก จะมีการนาคะแนนภาควิชาการไปรวมกับคะแนนสอบพละเพื่อจัดลาดับใหม่ตอนประกาศผลสอบรอบสองนั่นเอง
สุดท้ายนี้ขอย้าและหวังว่าน้องๆ ทุกคนจะเริ่มต้น และตื่นตัวในการเตรียมตัวสอบ เราควรเตรียมตัวในขณะที่ยังมีเวลา ไม่ใช่มาเตรียมตัวในขณะที่เวลากระชั้นชิด ซึ่งบางทีมันอาจจะช้าหรือสายเกินไป และจะมานั่งเสียใจทีหลัง คิดว่ารู้แบบนี้ทา ตั้งแต่เริ่มต้นดีกว่า รู้แบบนี้ทาแบบนั้นดีกว่า เพราะความคิดเหล่านั้นเป็นความคิดของคนที่ไม่ประสบความสาเร็จตามที่ตัวเองคิดไว้นะครับ
“ เตรียมตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ” จาไว้นะครับ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสาเร็จอยู่ที่นั่นครับ ขอให้น้องทุกคนที่มีความตั้งใจ และรู้จักเตรียมตัว เตรียมพร้อม เพื่อการประสบความสาเร็จในสิ่งที่ตั้งใจให้ได้ครับ
ป.ล. อ่านหนังสือหนักแล้วอย่าลืมระวังเรื่องรักษาสายตาด้วยนะครับ น้องๆควรอ่านในที่ที่มีแสงไฟเหมาะสมและพอเพียงด้วย แล้วไว้เจอกันคราวหน้าสาหรับการเตรียมพร้อมทางด้านร่างกายครับ